วันศุกร์ที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2553

บทที่ 2 [ก้าวแรกในการเป็นทหารเรือ ที่ ศฝท.]

  สวัสดีครับ ต่อจากบทที่ 1 ในบทนี้คือ วันแรกที่ผมได้ไปเป็นทหารเรือครับ  เมื่อถึงวันที่ 1 ก.พ. 50 ผมก็ไปรายงานตัว ที่ ที่ว่าการอำเภอ เขาจะมีรถรับไปรวมตัวกันในตัวจังหวัด ในวันนั้นมีคนที่ไปเป็นทหารเรือในอำเภอผมทั้งหมด ประมาณ 15 คนได้ครับ แรกๆผมคิดว่าไปกันแค่นี้เอง คงจะได้อยู่ที่เดียวกันหมดแหละมั้ง  และในนั้นต้องขอบอกว่าไม่รู้จักใครสักคนครับ แต่มีอยู่คนหนึ่งผมจำหน้าตาได้เพราะว่าเคยเห็นในโรงเรียนเก่าที่ผมเคยเรียนตอนมัธยมครับ แต่ว่าไม่ได้รู้จักชื่อหรอกครับ ส่วนตัวเขาก็ไม่ได้รู้จักผมเช่นกัน แต่ว่าคนนี้จะสนิทกับผมหลังจากนี้อีก 4 เดือนครับไว้ถึงตอนนั้นจะเล่าให้ฟังครับ 
   เมื่อมาถึงตัวจังหวัด ก็มีรถบัสรอรับอยู่ 2 คัน ที่นี่คนทุึกอำเภอจากจังหวัดของผมมารวมกัน ก็เริ่มเยอะครับ สองร้อยกว่าคน พอมากันครบทุกอำเภอแล้ว เขาก็ให้นั่งเป็นแถวๆ ฟังใครก็ไม่รู้แต่งชุดทหารบกพูด เขาก็พูดประมาณให้กำลังใจ ว่าเป็นทหารสบายยังงั้น ยังงี้  เงินเดือนรับรวมๆแล้วเกือบหมื่น ส่วนเรื่องเงินทองไม่ต้องพกไปหรอกที่ค่ายเขาไม่ให้ใช้ แต่ไม่ต้องกลัวกินอิ่มนอนหลับทุกมื้อ (จำที่ตาคนนี้พูดไว้ให้ดีนะครับ แล้วค่อยเปรียบกับที่ผมจะพูดๆในตอนต่อไป) เมื่อเขาพูดและชี้แจงเสร็จสรรพแล้วก็ให้ขึ้นรถบัสครับ ใครจะนั่งตรงไหนก็ได้ไม่บังคับกัน ก่อนขึ้นรถเขาให้เงินติดตัวกันคนละ 100 บาท
    วันนั้นผมแต่งตัวไปแบบธรรมดาสุดๆครับ กางเกงขาสั้น เสื้อยืดตราห่าน เพราะในใจคิดว่าพอไปถึงที่ค่ายเขาคงไม่ให้เราใส่ชุดพลเรือนอยู่แล้ว พร้อมกับมีเงินติดตัวไป 500 บาท ( 400 เป็นเงินของผมเอง อีก100 เขาแจกมา ) อยู่บนรถผมก็ไม่ได้คุยกับใครครับแต่แปลกใจบ้างคนอาจจะมาจากตำบลหรืออำเภอเดียวกัน แต่ทำไมเห็นคุยกันเหมือนเป็นเพื่อนสนิทสนมกันมาเลย ผมคิดในใจมันนัดกันสมัครมาป่าวฟ่ะ แล้วบางคนนี้กำลังใจดีสุดๆ ซื้อเหล้าขึ้นมากินกันเหมือนไม่มีความกังวลใจใดๆทั้งสิ้น นั่งรถออกมาจากจังหวัดผมตอนประมาณ 10 โมงเช้า ประมาณ บ่าย 2 โมง ก็มาถึงที่ ต.บางเสร่ อ.สัตหีบ จังหวัดชลบุรี ก่อนออกมาผมยังไม่รู้เลยว่าจะต้องไปที่จังหวัดไหน แต่รู้อยู่ในใจแหละว่าเป็นทหารเรือต้องเป็นจังหวัดที่อยู่ติดทะเลแน่นอน ที่ๆผมไป เขาเรียกว่า "ศูนย์ฝึกทหารใหม่" ครับ ที่นี่กว้างใหญ่เหมือนกันครับ เพราะว่าทหารเรือในแต่ละผลัดนั้น จะต้องมาฝึกที่นี่ก่อนเป็นเวลา 2 เดือน ก่อนจะแยกไปปฏิบัติหน้าที่ตามหน่วยต่างๆของกองทัพเรือที่อยู่ทั่วประเทศ เมื่อลงจากรถ เขาก็ให้ตั้งแถวไว้ แล้วก็มีสุนัขมาดมๆ เพื่อจะหายาเสพย์ติดที่บางคนอาจจะพกมาด้วย ถ้าเจอก็ไม่ได้จับหรืออะไรหรอกครับแค่ยึดไว้ เสร็จแล้วเขาก็จะให้นั่งรอเป็นจังหวัดๆ ในตอนนี้คนที่อยู่ที่นี่รวมกันจากทั่วประเทศ จากเกือบทุกจังหวัด ( ยกเว้นภาคเหนือ ) เริ่มดูเยอะแล้วครับ ประมาณ 1000 กว่าคนได้ เมื่อนั่งรอได้สักพักก็ถึงจังหวัดผม เขาก็จะเรียกเข้าไปในหอประชุม รอบๆตัวหอประชุมจะมีทั้งหมด 25 แถวเป็นรูปตัว U ครับ เพราะว่าต้องแยกออกเป็น 25 กองร้อย มีทั้งหมด 4 กองพันครับ กองพันละ 6 กองร้อย และมี "ร้อยเตรียม" อีก 1 กองร้อย ร้อยเตรียมก็คือ เขาจะแยกคนนี้ไม่สามารถอ่านออกเขียนได้มารวมไว้ด้วยกัน พวกนี้จะได้เรียนการอ่านและเขียนหนังสือในเบื้องต้นไปด้วย  ส่วนมากพวกที่อยู่ร้อยเตรียมจะเป็น พวกที่นับถือศาสนาอิสลามและพวกที่ไม่ได้เรียนหนังสือมาเลย ส่วนตัวผมเองนั้น ได้ไปสังกัดอยู่ที่ ร้อย 2 พัน 1 ครับ ก่อนออกมา เขาฉีดยาให้ 1 เข็มผมเห็นบางคนตัวใหญ่กว่าผมอีก พอฉีดยาให้เสร็จล้มลงไปเลย ตอนนั้นไม่รู้จริงๆว่าเขาฉีดอะไรให้ เพิ่งมารู้เอาตอนหลังว่าเป็น "ทอกซอยด์ " ฉีดเพื่อกันบาดทะยักนั่นเอง หลังจากที่เขาแยกคนไปอยู่ตามกองร้อยต่างๆมากพอแล้ว เขาก็จะให้ทหารที่เป็นรุ่นพี่ พาเดินแถวกลับไปยังกองร้อย รุ่นพี่ที่พาไปกองร้อย ผมเห็นที่แรกนึกขำในใจมากครับ เพราะแต่งตัวแล้วเหมือนเด็กเรียนมัธยม คือ ใส่หมวกสีน้ำตาล เสื้อน็อต คือเสื้อที่ทำมาจากผ้าดิบ คอกลม และใส่กางเกงสีน้ำตาล รองเท้าผ้าใบ เหมือนเด็กมัธยมไหมล่ะครับ แถมตัดผมก็ทรงนักเรียนอีก แต่ที่ตลกกว่าก็คือ ที่เอวจะไม่มีเข็มขัด แต่เป็นผ้าผูกไว้สีดำ เรียกว่า "ผ้าผูกเอวดำ" แถมยังมีที่ใส่ช้อนห้อยไว้อีกด้วย ผมนึกขำ โดยที่ไม่รู้เลยว่าในวันนี้ ผมก็ต้องแต่งตัวตลกๆแบบนี้แหละครับ
    กองร้อยของผม ( ร้อย 2 พัน 1 ) นั่นเดินไกลมากครับ ประมาณ 500 เมตรจากหอประชุมได้ แถมยังต้องเดินขึ้นไปบนเนินเขาอีก บนเนินเขานั้น มีกองร้อยของผม และอีก 1 กองร้อย คือ ร้อย 6 พัน 1 โดยที่หน้ากองร้อยจะหันหน้าชนกัน เมื่อมาถึงหน้ากองร้อย ก็มีคนเดินออกมา 3 คน หนึ่งในนั้น เป็นกระเทยครับ แต่งตัวเหมือนพวกผมแต่ว่าจะเก่ากว่านิดหน่อย ไว้ผมทรงนักเรียนเหมือนกันแต่ยาวกว่าเข้าใจได้ว่าเป็นรุ่นพี่คนนี้มารู้ชื่อทีหลังว่า ชื่อเอก ส่วนอีกสองคน แต่งตัวแบบข้าราชการ ครึ่งท่อนครับ คือใส่กางเกงขายาวสีกากี เสื้อยืดสีขาว เลยเข้าใจได้ว่าเป็นพวกจ่า หรือหมวดนั่นเอง มาถึงเขาก็แจกข้าวของเครื่องใช้ครับ โดยมี ขัน สบู่ ยาสีฟัน ยาสระผม มีดโกน และชุดตลกๆที่รุ่นพี่ผมใส่มาอีก 2 ชุด ชุดกีฬา อีก 2 ชุด และลูกกุญแจกับแม่กุญแจอีก 1 ชุดพร้อมสายดำๆ 1 เส้น เมื่อแจกของเสร็จ คนที่เป็นข้าราชการคนหนึ่งก็พูดขึ้นว่า พวกของใช้ ยกเว้นเสื้อผ้านั้นเขาไม่ได้แจกต้องจ่ายเงินครับ ( จำไม่ได้ว่าเท่าไหร่ แต่ประมาณร้อยกว่าบาทนี่แหละ ) ผมเลยจ่ายให้เขาไปเรียบร้อย แต่ถ้าใครไม่มีเขาให้ติดไว้ก่อนได้ครับ จะหักจากตอนจ่ายเงินเดือน เมื่อแจกของครบแล้ว เขาก็ให้เอาของไปเก็บที่ตู้ล็อกเกอร์ของตัวเอง ตอนนั้นเขาจะบอกตัวเลข 3 ตัวโดยแบ่งเป็นหมวดๆ ครับ ผมได้เลข 109 ก็ อยู่หมวด 1 หมายเลขที่ 9 โดยล็อกเกอร์ของผมนั้นอยู่คู่กับหมายเลข 110 และข้างๆตู้ก็จะมีเตียงเป็นเตียงสองชั้นครับ ผมได้นอนข้างบน ส่วนหมายเลข 110 มันนอนข้างล่าง โดยไอหมายเลข 110 หลังจากทักทายกันก็ได้รู้ว่ามันชื่อ "ไอบอย" คนนี้เปรียบเสมือนเป็นบัดดี้กันครับ ไปไหนมาไหนแรกๆเลยไปด้วยกัน เพราะว่าไม่รู้จักใครทั้งคู่ ส่วนมากก็ไม่ค่อยมีใครรู้จักกันหรอกครับ นอกจากจะคุยกับบัดดี้ของตัวเอง
    ในบทนี้ขอจบไว้ตรงนี้ก่อนครับ ในบทต่อไปจะเริ่มเล่าถือชีวิตของผมในการเป็นทหารเรือ ที่ ร้อย.2 พัน 1 ครับ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น